6.1 บทนำ
การ์ดแสดงผล (Display Card)
หรือนิยมเรียกว่า "การ์ดจอ" มีหน้าที่เปลี่ยนสัญญาณดิจิตอล (Digital) ให้เป็นสัญญาณภาพ โดยมี Chip เป็นตัวหลักในการประมวลการแปลงสัญญาณ ส่วนภาพนั้น CPU เป็นผู้ประมวลผล แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีการประมวลผลภาพนั้น VGA Card เป็นผู้ประมวลผลเองโดย Chip นั้นได้เปลี่ยนเป็น GPU (Graphic Processing Unit) ซึ่งจะมีการประมวลภาพในตัว Card เอง เทคโนโลยีนี้เแป็นที่แพร่หลายมากเนื่องจากราคาเริ่มปรับตัวต่ำลงมาจากเมื่อก่อนที่เทคโนโลยีเพิ่งเข้ามาใหม่ ๆ โดย GPU ค่ายเอ็นวิเดีย (NVIDIA) เป็นผู้ริเริ่มการตลาด
หลักการทำงานพื้นฐานของการ์ดแสดงผลและเริ่มต้นขึ้น เมื่อโปรแกรมต่าง ๆ ส่งข้อมูลมาประมวลผลที่ซีพียูเมื่อซีพียูประมวลผลเสร็จแล้ว ก็จะส่งข้อมูลที่จะนำมาแสดงผลบนจอภาพมาที่การ์ดแสดงผล จากนั้น การ์ดแสดงผล ก็จะส่งข้อมูลนี้มาที่จอภาพ ตามข้อมูลที่ได้รับมา การ์ดแสดงผลรุ่นใหมา ๆ ที่ออกมาส่วนใหญ่ ก็จะมีวงจร ในการเร่งความเร็วการการแสดงผลภาพสามมิติและมีหน่วยความจำมาให้มากพอสมควร
![]() |
รูปที่ 1 แสดงภาพการ์ดจอแบบ AGP |
6.2 ชนิดของการ์ดแสดงผล
การ์ดแสดงผลเป็นตัวแปรหนึ่งสำหรับการเลือกซื้อพีซี การ์ดแสดงผลทำให้ขึดความสามารถบางอย่างของเครื่องคอมพิวเตอร์แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะหากต้องการเล่นเกม และเป็นเกมที่เน้นการแสดงผลแบบ 3D การ์ดแสดงผลจะมีผลอย่างมาก
ชนิดของการ์ดแสดงผลมีหลายแบบตามเทคโนโลยีที่พัฒนา และเมื่อมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ของเก่าก็ล้าสมัยและในที่สุดก็ไม่มีผู้ผลิต ชนิดของการ์ดมัดังนี้
การ์ดวีจีเอ (VGA) เป็นการ์ดรุ่นแรกที่ทำตามมาตรฐาน VGA มีการเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบทาง ISA การแสดงผลจึงเป็นการแสดงผลที่มีข้อจำกัดในเรื่องการส่งรับข้อมูลจำนวนมาก ปัจจุบันไม่มีจำหน่ายแล้ว แต่จะมีใช้ในพีซีรุ่นเก่า
การ์ดซูเปอร์วีจีเอ (Super VGA) เป็นการ์ดที่ผลิตตามมาตรฐานของ VESA-Video Electronic Standard Association ซึ่งเป็นสมาคมที่จัดตั้งขึ้นมาวางมาตรฐานกลางการแสดงผลเพื่อให้มีความเข้ากันได้ โดยเฉพาะเมื่อผลิตและพัฒนามาจากหลากหลายบริษัท การ์ดวิดีโอที่ใช้กันในรุ่นแรกก็เป็นไปตาม VESA นี้
การ์ดที่ใช้ตัวเร่งกราฟิกส์ (Graphic Accelerator) เป็นการ์ดที่พัฒนามาจากบริษัทชั้นนำทางด้านการผลิตการ์ดวิดีโอนี้ มีการพัฒนาซีพียูแบบ co-processor ใช้บนบอร์ด เพื่อเพิ่มความเร็วการแสดงผลกราฟิกส์ การ์ดตัวเร่งกราฟิกส์นี้ ทำงานได้ดีกับคำสั่งพิเศษที่เขียนภาพแบบ 2D และเป็นภาพที่แสดงผลด้วยความละเอียดสูง
การ์ดตัวเร่ง 3D บริษัทชั้นนำหลายบริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีขึ้นใช้โดยเน้นการแสดงภาพสามมิติ ซึ่งมีคำสั่งสนับสนุนการทำงานแบบภาพสามมิติ การ์ดแสดงผลแบบนี้จึงต้องทำงานด้วยความเร็วสูง และก็มีราคาแพงขึ้น เช่น การ์ด GeForce, Voodoo เป็นต้น
ซิปที่ใช้ในการเร่งภาพ และการเชื่อมต่อแบบ AGP ความจริงแล้วผู้ผลิตซีพียู (ทั้งอินเทล และเอเอ็มดี) ได้ใสชุดคำสั่งในการประมวลผลกราฟิก เพื่อให้ซีพียูคำนวณผลได้เร็วขึ้น อินเทลกำหนดฟังก์ชันการคำนวณผลกราฟิกไว้ในชุดคำสั่ง MMX ส่วนเอเอ็มดีใส่ชุดคำสั่งพิเศษไว้ที่ 3D NOW การเพิ่มคำสั่งพิเศษนี้ทำให้การแสดงผลกราฟิก เช่น การเล่นเกมทำได้เร็วขึ้น แต่ถึงจะมีชุดคำสั่งที่ซีพียูทำงานแล้วก็ยังเพิ่มความเร็วได้ไม่เท่าที่ต้องการ เพราะซีพียูอาจต้องทำงานอื่นอีก ผู้ผลิตการ์ดเชื่อมต่อการแสดงผลจึงได้พัฒนาซิปประกอบที่เป็นโคโปรเซสเซอร์ หรือเป็นซีพียูร่วม โดยเน้นการประมวลผลภาพ และกราฟิก ทั้งแบบ 2D และ 3D โดยเฉพาะ ชิปเฉพาะนี้จึงมีชื่อเรียกว่า Graphic Coprocessor
ตัวเร่งกราฟิกจึงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างภาพแบบ 3D และการแสดงภาพแบบเคลื่อนไหว เช่น วีดีโอ การประมวลผลนี้ต้องใช้ความเร็วสูง ดังนั้น การ์ดเชื่อมต่อการแสดงผลรุ่นใหม่จึงต้องมีระบบระบายความร้อนให้กับชิปตัวเร่งกราฟืกนี้ด้วย และเพื่อให้ซีพียูติดต่อกับหน่วยความจำและตัวเร่งกราฟิกได้ดี จึงต้องสร้างระบบพอร์ตเชื่อมต่อใหม่ และให้ชื่อช่องทางเชื่อมโยงสำหรับการ์ดแสดงผลว่า AGP ในซีพียูรุ่นใหม่ทุกเครื่องจึงใช้เส้นทางการเชื่อมต่อกับการ์ดแสดงผลแบบ AGP
การ์ดวีจีเอ (VGA) เป็นการ์ดรุ่นแรกที่ทำตามมาตรฐาน VGA มีการเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบทาง ISA การแสดงผลจึงเป็นการแสดงผลที่มีข้อจำกัดในเรื่องการส่งรับข้อมูลจำนวนมาก ปัจจุบันไม่มีจำหน่ายแล้ว แต่จะมีใช้ในพีซีรุ่นเก่า
การ์ดซูเปอร์วีจีเอ (Super VGA) เป็นการ์ดที่ผลิตตามมาตรฐานของ VESA-Video Electronic Standard Association ซึ่งเป็นสมาคมที่จัดตั้งขึ้นมาวางมาตรฐานกลางการแสดงผลเพื่อให้มีความเข้ากันได้ โดยเฉพาะเมื่อผลิตและพัฒนามาจากหลากหลายบริษัท การ์ดวิดีโอที่ใช้กันในรุ่นแรกก็เป็นไปตาม VESA นี้
การ์ดที่ใช้ตัวเร่งกราฟิกส์ (Graphic Accelerator) เป็นการ์ดที่พัฒนามาจากบริษัทชั้นนำทางด้านการผลิตการ์ดวิดีโอนี้ มีการพัฒนาซีพียูแบบ co-processor ใช้บนบอร์ด เพื่อเพิ่มความเร็วการแสดงผลกราฟิกส์ การ์ดตัวเร่งกราฟิกส์นี้ ทำงานได้ดีกับคำสั่งพิเศษที่เขียนภาพแบบ 2D และเป็นภาพที่แสดงผลด้วยความละเอียดสูง
การ์ดตัวเร่ง 3D บริษัทชั้นนำหลายบริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีขึ้นใช้โดยเน้นการแสดงภาพสามมิติ ซึ่งมีคำสั่งสนับสนุนการทำงานแบบภาพสามมิติ การ์ดแสดงผลแบบนี้จึงต้องทำงานด้วยความเร็วสูง และก็มีราคาแพงขึ้น เช่น การ์ด GeForce, Voodoo เป็นต้น
ซิปที่ใช้ในการเร่งภาพ และการเชื่อมต่อแบบ AGP ความจริงแล้วผู้ผลิตซีพียู (ทั้งอินเทล และเอเอ็มดี) ได้ใสชุดคำสั่งในการประมวลผลกราฟิก เพื่อให้ซีพียูคำนวณผลได้เร็วขึ้น อินเทลกำหนดฟังก์ชันการคำนวณผลกราฟิกไว้ในชุดคำสั่ง MMX ส่วนเอเอ็มดีใส่ชุดคำสั่งพิเศษไว้ที่ 3D NOW การเพิ่มคำสั่งพิเศษนี้ทำให้การแสดงผลกราฟิก เช่น การเล่นเกมทำได้เร็วขึ้น แต่ถึงจะมีชุดคำสั่งที่ซีพียูทำงานแล้วก็ยังเพิ่มความเร็วได้ไม่เท่าที่ต้องการ เพราะซีพียูอาจต้องทำงานอื่นอีก ผู้ผลิตการ์ดเชื่อมต่อการแสดงผลจึงได้พัฒนาซิปประกอบที่เป็นโคโปรเซสเซอร์ หรือเป็นซีพียูร่วม โดยเน้นการประมวลผลภาพ และกราฟิก ทั้งแบบ 2D และ 3D โดยเฉพาะ ชิปเฉพาะนี้จึงมีชื่อเรียกว่า Graphic Coprocessor
ตัวเร่งกราฟิกจึงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างภาพแบบ 3D และการแสดงภาพแบบเคลื่อนไหว เช่น วีดีโอ การประมวลผลนี้ต้องใช้ความเร็วสูง ดังนั้น การ์ดเชื่อมต่อการแสดงผลรุ่นใหม่จึงต้องมีระบบระบายความร้อนให้กับชิปตัวเร่งกราฟืกนี้ด้วย และเพื่อให้ซีพียูติดต่อกับหน่วยความจำและตัวเร่งกราฟิกได้ดี จึงต้องสร้างระบบพอร์ตเชื่อมต่อใหม่ และให้ชื่อช่องทางเชื่อมโยงสำหรับการ์ดแสดงผลว่า AGP ในซีพียูรุ่นใหม่ทุกเครื่องจึงใช้เส้นทางการเชื่อมต่อกับการ์ดแสดงผลแบบ AGP
6.3 หน่วยความจำบนการ์ดแสดงผลกับความละเอียดของการแสดงผล
การ์ดแสดงผลจะต้องมีหน่วยความจำที่เพียงพอในการใช้งาน เพื่อใช้สำหรับเก็บข้อมูลที่ได้รับมาจากซีพียู และสำหรับการ์ดแสดงผลบางรุ่น ก็สามารถประมวลผลได้ภายในตัวการ์ด โดยทำหน้าที่ในการประมวลผลภาพแทนซีพียูไปเรลย ช่วยให้ซีพียูมีเวลาว่างมากขึ้นทำงานได้รวดเร็วขึ้น
เมื่อได้รับข้อมูลจากซีพียูมา ดาร์ดแสดงผลก็จะเก็บข้อมูลที่ได้รับมาเก็บไว้ในหน่วยความจำส่วนนี้นี่เอง ถ้าการ์ดแสดงผล มีหน่วยความจำมาก ๆ ก็จะรับข้อมูลมาจากซีพียูได้มากขึ้น ช่วยให้การแสดงผลบนจอภาพมีความเร็วสูงขึ้น และหน่วยความจำทีมีความเร็วสูงก็ยิ่งดี เพราะจะสามารถรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น ยิ่งถ้าข้อมูลที่มาจากซีพียู มีขนาดใหญ่ ก็ยิ่งต้องใช้หน่วยความจำที่มีขนาดใหญ่ ๆ นั่นก็คือข้อมูงของภาพที่มีสีและความละเอียดของภาพสูง ๆ
พัฒนาการของการ์ดแสดงผลไม่ได้ทำให้การแสดงผลด้วยความเร็วอย่างเดียว แต่จะต้องเพิ่มความละเอียดและจำนวนสีของการแสดงผลด้วยความละเอียดและจำนวนสีจะมีผลโดยตรงต่อหน่วยความจำที่ใช้ในการแสดงผลทั้งนี้เพราะแต่ละจุดที่แสดงผลคือข้อมูลที่เก็บในหน่าวยความจำ
ความละเอียดของการแสดงผลวัดเป็นจำนวนจุดสี ซึ่งหมายถึงการแสดงผลทั้งจอภาพได้เท่าใด เช่น 640 x 480 หมายถึง มีจุดภาพตามแนวนอน 640 จุดสี และแนวตั้ง 480 จุดสี แต่ละจุดสียังแสดงสีได้ด้วยความละเอียดของจำนวนสีอีก ดังนั้นหากต้องการแสดงเดียวของความละเอียด 640 x 480 ก็ต้องมีจำนวนจุดสีถึง 307200 ซึ่งถ้าแสดงผลเฉพาะทั้งคำก็ต้องใช้ข้อมูล 307200 บิต หรือ 38400 ไบต์ นั่นเอง
ตารางที่ 1 มาตรฐานการแสดงผลและหน่วยความจำแสดงผล
พัฒนาการของการ์ดแสดงผลไม่ได้ทำให้การแสดงผลด้วยความเร็วอย่างเดียว แต่จะต้องเพิ่มความละเอียดและจำนวนสีของการแสดงผลด้วยความละเอียดและจำนวนสีจะมีผลโดยตรงต่อหน่วยความจำที่ใช้ในการแสดงผลทั้งนี้เพราะแต่ละจุดที่แสดงผลคือข้อมูลที่เก็บในหน่าวยความจำ
ความละเอียดของการแสดงผลวัดเป็นจำนวนจุดสี ซึ่งหมายถึงการแสดงผลทั้งจอภาพได้เท่าใด เช่น 640 x 480 หมายถึง มีจุดภาพตามแนวนอน 640 จุดสี และแนวตั้ง 480 จุดสี แต่ละจุดสียังแสดงสีได้ด้วยความละเอียดของจำนวนสีอีก ดังนั้นหากต้องการแสดงเดียวของความละเอียด 640 x 480 ก็ต้องมีจำนวนจุดสีถึง 307200 ซึ่งถ้าแสดงผลเฉพาะทั้งคำก็ต้องใช้ข้อมูล 307200 บิต หรือ 38400 ไบต์ นั่นเอง
ตารางที่ 1 มาตรฐานการแสดงผลและหน่วยความจำแสดงผล
จากตารางที่แสดงนี้ หมายถึง ข้อมูลภาพหนึ่งภาพต้องใช้ข้อมูลเท่าไร แต่ในการ์ดแสดงผลจำเป็นต้องมีบัฟเฟอร์ใช้ในการแสดงผลอย่างน้อย 2 ภาพ และจะต้องมีพื้นที่ในการใช้เป็นที่คำนวณและประมวลผลภาพอีกต่างหาก ดังนั้นการ์ดแสดงผลในปัจจุบัน (2548) จึงมีหน่วยความจำสูงมาก โดยมีขนาดของหน่วยความจำในช่วงขนาด 32 MB ถึง 256 MB
6.4 การเลือกซื้อการ์ดแสดงผล
ในการเลือกซื้อการ์ดแสดงผลคงต้องประเมินดูสภาพการใช้งานว่ามีลักษณะเป้นเช่นไร โดยอาจแบ่งแยกงานเป็นสองกลุ่มคือ งานประเภทต้องใช้ภาพสามมิติ หรือการแสดงผลมัลติมิเดีย การตัดต่อวีดีโอกับอีกกลุ่มได้แก่ การใช้งานทั่วไปในสำนักงานใช้เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การ์ดที่ใช้แสดงผลสามมิติ (3D) และเล่นเกมแบบสามมิติต้องใช้ชิปตัวเร่งพิเศษ การ์ดพวกนี้จะมีราคาแพงขึ้น เช่น การ์ดที่ใช้ชิป GeForce 2, GeForce 3, Voodoo ส่วนชิปตัวเร่ง 3D ที่มีผู้ผลิตอีกหลายราย เช่น TNT, Banshee, Savage
สำหรับการเลือกการ์ดแสดงผลใช้งานทั่วไปก็เลือตัวเร่งที่มีราคาถูกลง ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกได้มากโดยปกติก็ใช้ชิปตัวเร่ง รุ่นเดียวกับพวก 3D เกมได้ แต่การ์ดพวกนี้จะใช้ความเร็วสัญญาณนาฬิกาและหน่วยความจำน้อยกว่า ทำให้มีราคาแตกต่างกันมาก
การ์ดแสดงผลหลายรุ่นมีขีดความสามารถพิเศษ เช่น มีส่วนของการเชื่อมต่อเป็น TV-out เพื่อใช้สำหรับแสดงผล VCD และ DVD เพื่อให้ติดต่อกับ TV ได้โดยตรง โดยคอมพิวเตอร์จะทำตัวเป็นเครื่องเล่น DVD ได้
การ์ดที่ใช้แสดงผลสามมิติ (3D) และเล่นเกมแบบสามมิติต้องใช้ชิปตัวเร่งพิเศษ การ์ดพวกนี้จะมีราคาแพงขึ้น เช่น การ์ดที่ใช้ชิป GeForce 2, GeForce 3, Voodoo ส่วนชิปตัวเร่ง 3D ที่มีผู้ผลิตอีกหลายราย เช่น TNT, Banshee, Savage
สำหรับการเลือกการ์ดแสดงผลใช้งานทั่วไปก็เลือตัวเร่งที่มีราคาถูกลง ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกได้มากโดยปกติก็ใช้ชิปตัวเร่ง รุ่นเดียวกับพวก 3D เกมได้ แต่การ์ดพวกนี้จะใช้ความเร็วสัญญาณนาฬิกาและหน่วยความจำน้อยกว่า ทำให้มีราคาแตกต่างกันมาก
การ์ดแสดงผลหลายรุ่นมีขีดความสามารถพิเศษ เช่น มีส่วนของการเชื่อมต่อเป็น TV-out เพื่อใช้สำหรับแสดงผล VCD และ DVD เพื่อให้ติดต่อกับ TV ได้โดยตรง โดยคอมพิวเตอร์จะทำตัวเป็นเครื่องเล่น DVD ได้
6.5 จอภาพ (Monitor)
จอภาพเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการแสดงผล ซึ่งการเลือกจอภาพให้เหมาะกับประเภทของการ์ดก็จะทำให้การแสดงผลที่ได้รับนั้นมีประสิทธิภาพมาก
![]() |
รูปที่ 2 แสดงจอภาพแบบ LCD |
6.6 ชนิดของจอภาพ
สามารถแบ่งชนิดจอภาพออกได้เป็น 2 ชนิดคือ
1. จอภาพแบบซีอาร์ที (CRT)
2. จอภาพแบบแอลซีดี (LCD)
หลอดภาพ หลอดภาพเป็นหลอดแก้วขนาดใหญ่ ภายในฉาบสารเรืองแสงที่เมื่อลำแสงอิเล็กตรอนตกกระทบจะมีแสงเรืองตามสีปรากฎให้เห็น ดังนั้นในหลอดภาพจึงมีส่วนของปืนอิเล็กตรอน ซึ่งมีสามลำแสงตามสีที่ต้องการให้แสดงผลคือ สีแดง เขียว และฟ้า การที่อิเล็กตรอนวิ่งมาชนจอภาพได้ต้องใช้แรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำสูงมาก โดยทั่วไปจะมีค่าสูงกว่า 20,000 โวลต์
จอแบนหรือจอโค้ง อิเล็กตรอนต้องวาดเรียงเป็นเส้นตามแบนราบ
ดังนั้นการบังคับจุดโฟกัสของอิเล็กตรอนให้มาที่หน้าจอเพื่อจะได้จุดสีจุดเล็ก ๆ จึงจำเป็นต้องให้จอมีส่วนโค้งเล็กน้อย แต่ด้วยเทคโนโลยัของการควบคุมลำแสงอิเล็กตรอนที่ดีขึ้น กับการขยายส่วนลึกของตัวจอภาพให้มากขึ้นจึงทำให้หน้าจอแสดงผลแบนราบได้มากขึ้นจอแสดงผลแบบแบนจะให้สัดส่วนของภาพที่ปรากฎบนจอภาพได้ดีกว่า และเป็นที่นิยมในปัจจุบัน แต่ก็มีราคาเพิ่มขึ้น
6.6.1 จอภาพแบบซีอาร์ที
การแสดงผลจากการ์ดแสดงผลต่อเชื่อมสัญญาณมาที่จอภาพ ดังนั้นจึงควรที่จะต้องทำความรู้จักกับเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับจอภาพด้วย จอภาพแบบซีอาร์ทียังเป็นจอที่มีการใช้งานกันมาก เพราะมีราคาถูกเมื่อเทียบกับจอภาพที่ใช้เทคโนโลยีแบบอื่น เช่น แอลซีดี คุณลักษณะจอภาพแสดงผลที่น่าสนใจประกอบด้วย![]() |
รูปที่ 3 แสดงจอภาพแบบซีอาร์ที |
จอแบนหรือจอโค้ง อิเล็กตรอนต้องวาดเรียงเป็นเส้นตามแบนราบ
ดังนั้นการบังคับจุดโฟกัสของอิเล็กตรอนให้มาที่หน้าจอเพื่อจะได้จุดสีจุดเล็ก ๆ จึงจำเป็นต้องให้จอมีส่วนโค้งเล็กน้อย แต่ด้วยเทคโนโลยัของการควบคุมลำแสงอิเล็กตรอนที่ดีขึ้น กับการขยายส่วนลึกของตัวจอภาพให้มากขึ้นจึงทำให้หน้าจอแสดงผลแบนราบได้มากขึ้นจอแสดงผลแบบแบนจะให้สัดส่วนของภาพที่ปรากฎบนจอภาพได้ดีกว่า และเป็นที่นิยมในปัจจุบัน แต่ก็มีราคาเพิ่มขึ้น
6.6.2 จอภาพแบบแอลซีดี
เทคโนโลยีการแสดงผลด้วยแอลซีดีกำลังเป็นดาวรุ่ง แอลซีดีย่อมาจาก Liquid Crystal Display เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องใช้ลำแสงอิเล็กตรอน แต่ใช้การแสดงผลจากลำแสงที่สะท้อนผ่านผลึกเหลว แอลซีดีได้รับการพัฒนามามีสองแนวทางคือ แบบ Passive Matrix และแบบ Active Matrix สำหรับแบบ Passive มีจุดเด่นในเรื่องความเข้มของแสงที่มองเห็น และมุมมอง ปัจจุบันจึงนิยมหันมาทางด้าน Active Matrix แอกทีฟ แมทริกซ์ เป็นเทคโนโลยีที่ต้องใช้ทรานซิสเตอร์บนแผ่นฟิล์มบาง (Thin Film Transistor - TFT) กล่าวคือ ต้องสร้างอเรย์ของทรานซิสเตอร์โดยทุก ๆ จุดแสดงผลจะมีทรานซิสเตอร์แสดงผลตัวเล็ก ๆ ควบคุมอยู่ ทรานซิสเตอร์จะทำหน้าที่ควบคุมการแสดงผลในจุดนั้น ๆ ด้วยการทำงานของทรานซิสเตอร์ในการควบคุมการแสดงผล จึงทำให้การแสดงผลบนจอแอลซีดีทำงานได้รวดเร็ว และมีความคมชัด
การสร้าง TFT ร่วมกับ LCD เป็นเทคโนโลยีที่มีกรรมวิธีที่ยุ่งยากและซับซ้อน ทำให้ขนาดของจอภาพที่ได้มีผลผลิตต่อการลงทุนยังสูง เพราะการที่จะทำให้ทรานซิสเตอร์บนแผ่นฟิล์มบาง ๆ ทำงานร่วมกันเป็นหลายแสนตัว โดยไม่เกิดการผิดพลาดเลยแม้แต่ตัวเดียว จึงเป็นเรื่องใหญ่ ราคาของแอลซีดีจึงมีราคาสูงเมื่อเทียบกับจอภาพซีอาร์ที
แต่ในปัจจุบันกระบวนการผลิตจอภาพแอลซีดีได้รุดหน้าไปมาก ราคาของจอภาพแอลซีดีขนาด 15 นิ้ว และแสดงผลได้ด้วยความละเอียด 1024 x 768 ด้วยความเร็วการรีเฟรชจอภาพ 75 ครั้งต่อวินาที มีราคาลดลงจนอยู่ในวิสัยที่ซื้อหามาใชได้แล้ว
จุดเด่นของจอแอลซีดีอยู่ที่การใช้กำลังไฟฟ้าต่ำ ใช้พื้นที่ติดตั้งจอภาพน้อย จึงเหมาะกับสภาพที่ ๆ คับแคบและต้องการจอแสดงผลคุณภาพดี
![]() |
รูปที่ 4 แสดงการวัดขนาดหน้าจอ |
6.7 สัดส่วนของจอภาพ
ขนาดของจอภาพวัดกับด้วยเส้นทแยงมุม โดยขนาดที่ทีความนิยมและผู้ผลิตได้ผลิตออกจำหน่ายมีหลายขนาดตั้งแต่ 14 นิ้ว 15 นิ้ว 17 นิ้ว และ 21 นิ้ว อย่างไรก็ดีการแสดงผลบนจอภาพที่ปรากฎให้เห้นเมื่อวัดตามเส้นทแยงมุมจะน้อยกว่าตัวเลขบอกขนาดโดยปกติขนาดของจอซีอาร์ทีขนาดต่าง ๆ
6.8 ขนาดของจุด (dot pitch)
ความละเอียดของการแสดงผลขึ้นกับการแสดงภาพแต่ละจุดว่ามีขนาดเล็กเพียงไร ลองคำนวณดูอย่างง่าย ๆ ว่า ถ้าให้แนวราบแสดงผลได้ 720 จุด หากจอที่แสดงมีขนาดประมาณ 240 มิลลิเมตร ความเล้กของแต่ละจุดต้องเล็กกว่า 240 หาร 720 หรือประมาณ 0.33 มิลลิเมตร ยิ่งถ้าต้องการแสดงความละเอียดให้มากขึ้น ความละเอียดหรือความเล็กของจุด (dot pitch) จะต้องเล็กลง ขนาดของจุด (dot pitch) นี้ กำหนดในสเปกของจอภาพ ซึ่งปัจจุบันมีค่าที่ประมาณ 0.24 มิลลิเมตร
6.9 การพิจารณาเลือกซื้อจอภาพ
การเลือกซื้อจอภาพเกี่ยวข้องโดยตรงกับงบประมารที่จะจัดซื้อ โดยถ้ามีงบมาก การเลือกซื้อจอแอลซีดีก็จะเป็นไปได้ แต่ถ้าต้องการจอภาพแบบซีอาร์ที และเป็นจอแบนราบที่มีขนาดใหญ่ เช่น 17-19 นิ้ว ก็จะมีราคาสูงขึ้น
ข้อพิจารณาขนาดของจอจึงขึ้นกับสภาพของงานที่ใช้ ถ้าใช้ิมพ์งาน ใช้อินเทอร์เน็ต อ่านอีเมล์ ก็ใช้จอ 15 นิ้ว ก็พอ แต่หากต้องใช้งานแสดงผลกราฟิกความละเอียดสูงก็ต้องใช้จอภาพขนาด 17-19 นิ้ว ถ้าเป็นจอขนาด 17 นิ้ว ควรเลือกรุ่นที่สนับสนุนการแสดงผลความละเอียดสูงสุดคือ 1600 x 1200 จุด โดยมีอัตราการรีเฟรชอยู่ที่ 75 Hz
โดยปกติต้องพิจารณาดูว่า จอภาพที่ต้องการระหว่างจอภาพที่แบนราบกับจอโค้ง มีความต้องการอย่างไร จอแบนราบจะให้สัดส่วนของภาพได้ดีกว่า การดูจะสบายตา และเป็นจอที่น่าใช้มาก แต่ราคาก้จะสูงขึ้น จอภาพที่เลือกซื้อบางจอมีคุณสมบัติพิเศษที่เชื่อมต่อ USB กับจอภาพได้ ก็จะช่วยเพิ่มพอร์ต USB ให้ใช้งานได้มากขึ้นหรือสะดวกขึ้น
จอภาพบางรุ่นมีลำโพงในตัว แต่โดยทั่วไปแล้วไม่จำเป็น เพราะการต่อลำโพลภายนอกจะมีความคล่องตัวกว่า และสามารถเลือกหาลำโพงที่มีคุณภาพดีมาใช้ได้ดีกว่าลำโพงที่ติดอยู่จอมอนิเตอร์
สรุปท้ายบท
ปัจจุบันเทคโนโลยีของการ์ดแสดงผลสามารถให้ความละเอียดในรูปแบบสามมิติ (3D) ได้แทบทั้งสิ้น เนื่องจากการใช้งานในรูปแบบมัลติมิเดียในปัจจุบันมีความก้าวหน้าขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นกมหรือภาพยนต์ จำเป็นต้องพึ่งพาความสามารถของการ์ดแสดงผลเป็นส่วนใหญ่ การ์ดแสดงผลภาพในปัจจุบันนี้มีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสนบาทก็มี ยิ่งการ์ดแสดงผลที่มีคุณภาพดี ภาพที่ได้ออกมาก็จะมีคุณภาพดีเช่นกัน
จอภาพที่ใช้านกันอยู่ในปัจจุบันเป็นจอชนิดซีอาร์ที หรือจอแบบอ้วน ภาพที่ได้ออกมามีคุณภาพพอใช้ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับจอภาพแอลซีดี จะเห็นความแตกต่างของภาพได้ชัดเจนมาก จอแอลซีดีมีคุณภาพดีกว่า แต่ก็มีข้อเสียคือราคาแพง และอะไหล่ ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของจอประเภทนี้ไม่ค่อยแพร่หลายเวลาเสียก็ซ่อมยาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น