วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บทที่ 13 การบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์

13.1 บทนำ

           ถึงแม้ว่าในปัจจุบันราคาของเครื่องจะลดลงมามากแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ถึงกับอยู่ในชั้นร้อยหรือหลักพันบาทเพราะยังมีราคาอยู่ในหลักหมื่นบาทดังนั้นผู้ที่ซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อมาใช้งานจึงจำเป็นจะต้องดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ซื้อมาให้อยู่ในสภาพดีที่สุดนานเท่าที่จะทำได้ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายที่จะต้องเสียให้กับการซ่อมเครื่อง




13.2 สิ่งที่เป็นอันตรายต่อเครื่องคอมพิวเตอร์

           สิ่งที่ถือว่าเป็นอันตรายสามารถทำร้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เสียหายก่อนถึงเวลาอันควรนั้น ได้แก่

1. ความร้อน
           ได้แก่ ความร้อนที่เกิดขึ้นภายในเครื่องคอมพพิวเตอร์เองและภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ เนื่องจาก คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าในการทำงาน เป็นสาเหตุให้มีกระแสไฟฟ้าที่เป็นพลังงานให้กับอุปกรณ์ภายในบางส่วนสูญเสีออกมาในรูปของ ความร้อน ซึ่งความร้อนนี้เองเป็นสาเหตุของความเสียหายกัยอุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์

2. ฝุ่นผง
            อาจทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เพราะฝุ่นสามารถเกาะพื้นผิวชิ้นส่วนอุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น แผงวงจรภายใน เมื่อนานๆ ไปจะเคลือบหนาขึ้นและยึดติดแน่นจนทำให้เป็นฉนวนกั้นความร้อนทำให้แผงวงจรนั้นไม่สามารถระบายความร้อนได้ซึ่งเป็นผลเสียต่อ เครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง เพราะฉะนั้น ควรกำจัดฝุ่นผงภายในเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างสม่ำเสมอ ถ้าเป็นเครื่องที่ใช้ในบ้านควรทำความสะอาด อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ถ้าเป็นเครื่องที่ใช้ภายในสำนักงาน ควรทำความสะอาดทุก 6 เดือน
หรือแม้แต่พัดลมระบายความร้อน ถ้ามีฝุ่นมากๆ ก็อาจทำให้ทำงานติดขัด การระบายความร้อนทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร วิธีการแก้ปัญหานี้ คือ ถ้าเกิดเป็นห้องที่มีการติดเครื่องปรับอากาศแล้ว ต้องสำรวจว่ามีเครื่องกรองอากาศเพื่อลดผุ่งละอองในห้องแล้วหรือยัง สำหรับห้องที่ไม่ใช้ห้องปรับอากาศ อาจจะให้อุปกรณ์หรือผลิตภัณฆ์ทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น แปรง และชุดดูดฝุ่นเล็กๆ ซึ่งจะช่วยยืด อายุการทำงานของคอมพิวเตอร์ได้เลยทีเดีียว แต่ที่สำคัญไม่ควรนำเครื่องดูุดฝุ่นสำหรับใช้ในบ้านเรือนหรือในรถยนต์มาดูดฝุ่นคอมพิวเตอร์เด็ดขาด เพราะนอกจากฝุ่นแล้วชิ้นส่วนบางส่วนชิ้นบนเมนบอร์ดอาจดูดไปด้วย

3. แม่เหล็ก
           ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง แต่จะสร้างความเสียหายให้กับข้อมูลที่อยู่แผ่นดิสก์หรือแม้กระทั่งฮาร์ดิสก์ ได้ ซึ่งอาจถึงขั้นไม่ได้เลย จอภาพก็เป็นแหล่งกำเนิดแรงแม่เหล็กด้วย เช่นกัน ดังนั้น ถ้าผู้ใช้เผลอวางแผ่นดิสก์ไว้ใกล้จอภาพก็อาจทำให้ข้อมูลภาบใน ดิสก์เสียหาย ลำโพงก็เป็นแหล่งกำเนิดแม่เหล็กได้เช่นกัน รวมถึงมอเตอร์ที่ภายในเครื่องพิมพ์ก็เป็นแหล่งกำเนิดแม่เหล็กได้เช่นกัน

4. น้ำและของเหลว
            เป็นสิ่งที่มีผลกระทบต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ง่าย สาเหตุเพราะ น้ำและของเหลวจะเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ได้หลายทาง ด้วย กันทางที่ดีควรหาพลาสติกมาคลุมเครื่องไว้เมื่อไม่ใช้งาน

5. กระบวนการเกิดสนิม
            ตัวการที่ก่อให้เกิดสนิมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งภายนอกและแผงวงจรภายใน ได้แก่
- เกลือและเหงื่อ
- น้ำ
- อากาศ (ที่มีกรดซัลฟูริก กรดเกลือ หรือกรดคาร์บอนิกส์)
ปัญหาใหญ่ ก็คือ การเกิดสนิมที่อุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะอาจทำให้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถใช้งานได้หรือทำงานผิดพลาด เพราะฉะนั้น จึงควรระมัดระวังสิ่งที่จะทำให้เกิดสนิม





13.4 การใช้งาน Defrag ฮาร์ดดิสก์ เพื่อเพิ่มความเร็วให้กับการทำงานของระบบ

              การทำ Defrag ฮาร์ดดิสก์หรือ Disk Defragmenter ก็คือการทำการจัดเรียงข้อมูลของไฟล์ต่าง ๆ ที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์ ให้มีความต่อเนื่องหรือเรียงเป็นระบบต่อ ๆ กันไป ประโยชน์ที่จะได้รับคือ ความเร็วในการอ่านข้อมูลของไฟล์นั้น จะมีการอ่านข้อมูล ได้เร็วขึ้น ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่นถ้าหากมีไฟล์ที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์ ที่มีการเก็บข้อมูลแบบกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป เมื่อต้องการอ่าน ข้อมูลของไฟล์นั้น หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์ก็จะต้องมีการเคลื่อนย้ายไปมาเพื่อทำการอ่านข้อมูลจบครบ หากเรามีการทำ Defrag ฮาร์ดดิสก์ แล้วจะทำให้การเก็บข้อมูลจะมีความต่อเนื่องกันมากขึ้น เมื่อต้องการอ่านข้อมูลนั้น หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์จะสามารถอ่านได้ โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายหัวอ่านบ่อยหรือมากเกินไป จะทำให้ใช้เวลาในการอ่านได้เร็วขึ้น
ที่จริงแล้ว ยังมีโปรแกรมของบริษัทอื่น ๆ อีกหลายตัวที่สามารถทำการจัดเรียงข้อมูลให้มีความต่อเนื่องกันได้ เช่น Speeddisk ของ Norton และอื่น ๆ อีกมาก แต่ในที่นี้จะขอแนะนำหลักการของการใช้โปรแกรม Disk Defragmenter ที่มีมาให้กับ Windows





13.5 ข้อแนะนำก่อนใช้โปรแกรม Disk Defragmenter

              เพื่อให้การใช้งาน Disk Defragmenter มีประสิทธิภาพมากที่สุด ก่อนการเรียกใช้โปรแกรม Disk Defragmenter ควรจะเรียกโปรแกรม Walign ก่อนเพื่อการจัดเรียงลำดับของไฟล์ที่ใช้งานบ่อย ๆ ให้มาอยู่ในลำดับต้น ๆ ของฮาร์ดดิสก์ครับ โดยที่โปรแกรม Walign จะทำหน้าที่จัดเก็บข้อมูลการใช้งานไฟล์ ที่มีการเรียกใช้บ่อย ๆ ไว้ และนำมาจัดการเรียงลำดับ ให้อยู่ในส่วนแรก ๆ ของฮาร์ดดิสก์ ดังนั้นการที่เราเรียกโปรแกรม Walign ก่อนการทำ Disk Defragmenter จะเป็นการเพิ่มความเร็วของการอ่านข้อมูลได้อีกทางหนึ่ง โปรแกรม Walign จะอยู่ใน Folder C:\WINDOWS\SYSTEM\Walign.exe ครับ เปิดโดยการเข้าไปใน My Computer และเลือกไฟล์

กดดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ Walign เพื่อเรียกไฟล์ Walign.exe
รูปที่ 1 การเลือกไฟล์ Walign.exe

โปรแกรมจะเริ่มต้นการ Tuning up Application เมื่อเสร็จแล้วจึงทำการ Defrag ต่อไป
รูปที่ 2 ไฟล์ Walign กำลังทำงาน





13.6 ข้อควรจำก่อนทำการ Defrag

             สิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในการทำ Disk Defrag คือต้องปิดโปรแกรมต่าง ๆ ที่ทำงานอยู่ในขณะนั้นให้หมดก่อน เช่น Screen Saver, Winamp หรือโปรแกรมอื่น ๆ ที่จะต้องทำให้มีการอ่าน-เขียน ฮาร์ดดิสก์ บ่อย ๆ เพราะว่า เมื่อใดก็ตามที่ฮาร์ดดิสก์มีการอ่าน-เขียนข้อมูล จะทำให้โปรแกรม Disk Defragment เริ่มต้นการทำ Defrag ใหม่ทุกครั้ง ทำให้การทำ Defrag ไม่ยอมเสร็จง่าย ๆ หรืออาจจะใช้วิธีเข้า Windows แบบ Safe Mode โดยการกด F8 เมื่อเปิดเครื่องเพื่อเข้าหน้าเมนู และเลือกเข้า Safe Mode แทนก็ได้





13.7 การเรียกใช้โปรแกรม Disk Defragmeter

             เรียกใช้โปรแกรม Disk Defragmenter โดยการกดเลือกที่ Start Menu เลือกที่ Programs และเลือก Accessories เลือกที่ System Tools และเลือก Disk Defragmenter ดังรูปที่ 3

เลือกที่ Disk Defragmenter เพื่อรียกใช้โปรแกรม Defrag
 รูปที่ 3 การเรียกใช้งานโปรแกรม Defrag

เลือกที่ Drive ที่ต้องการทำ Defrag และกด OK เพื่อเริ่มต้นการทำ Defrag หรืออาจจะเลือกที่ Settings... เพื่อทำการตั้งค่าต่าง ๆ ก่อนก็ได้
รูปที่ 4 แสดงไดร์ฟที่ต้องการจะทำการ Defrag

  Rearrange program files... เลือกถ้าต้องการให้มีการจัดเรียงลำดับการเก็บข้อมูลของไฟล์ Check the drive... เลือกถ้าต้องการให้มีการตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ก่อนการทำ Defrag This time only เลือกถ้าต้องการให้การตั้งค่าข้างบน มีผลเฉพาะการเรียก Disk Defragmenter ในครั้งนี้เท่านั้น Every time I degragment... เลือกถ้าต้องการเก็บค่าที่ตั้งไว้ให้ใช้ตลอดไปโดยไม่ต้องเข้ามาเลือกใหม่เมื่อเลือกได้แล้วก็กด OK
รูปที่ 5 แสดงการตั้งค่าก่อนทำการ Defrag

เมื่อกด OK ก็จะเริ่มต้นการทำ Disk Defragment ซึ่งระยะเวลาที่ใช้ จะค่อนข้างนานมากนะครับ ประมาณ 1-4 ชม.ทีเดียว ดังนั้นก็นาน ๆ ทำสักครั้งก็พอ ไม่ต้องทำบ่อยนัก ถ้าสงสารฮาร์ดดิสก์ที่ต้องมีการทำงานที่หนัก ๆ มากครับ โดยส่วนตัวผมแนะนำว่า ถ้าไม่มีการลงโปรแกรมต่าง ๆ บ่อยนักก็ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ แต่ถ้าหากรู้สึกว่าฮาร์ดดิสก์ทำงานช้าลงไป ก็ลองทำดูสักครั้ง
รูปที่ 6 แสดงการเริ่มทำการ Defrag

      
     ข้อควรระวังในการทำ Defrag ฮาร์ดดิสก์
              ขณะที่กำลังทำการ Defrag หากต้องการยกเลิกการทำงาน จะต้องกดที่ Stop เท่านั้น ห้ามปิดเครื่องหรือกดปุ่ม Reset เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ของคุณอาจจะสูญหายได้






สรุปท้ายบท

           คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ีความละเอียดอ่อนมากในการใช้งาน การบำรุงรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลาก็จะช่วยยืดอายุการทำงานของคอมพิวเตอร์ไปได้มาก การคิดค่าดูแลรักษาคอมพิวเตอร์จะคิดแบบคร่าวๆ ที่ 10 เปอร์เซนต์ ของราคาซื้อ เช่น ถ้าซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์มาราคา 20,000 บาท ก็จะเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลต่อปีเป็นเงิน 2,000 บาท ซึ่งในเงิน 2,000 บาท นี้ จะรวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับซอฟต์

บทที่ 12 การติดตั้งโปรแกรม Multimedi

12.1 บทนำ

       โปรแกรม Multimedia ในปัจจุบันนับว่ามีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียวเนื่องจากว่าคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสามารถตอบสนองความต้องการได้มากกว่าการพิมพ์งานมีการนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ในการดูภาพยนต์ ฟังเพลง หรือเล่นเกมเพื่อความบันเทิงกันมากขึ้น ในบทนี้จะแนะนำวิธีการติดตั้งโปรแกรม Winampซึ่งโปรแกรมสำหรับฟังเพลงรูปแบบ MP3 และโปรแกรม Power DVD ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับดูภาพยนตร์




12.2 การติดตั้ง Winampโปรแกรมเล่นเพลง MP3

      Winampเป็นโปรแกรมสำหรับเล่นเพลงแบบ MP3 และสามารถเล่นเพลงในรูปแบบอื่น ๆได้ด้ววย มีหน้ากากหรือ Skin สำหรับเปลี่ยนแปลงหน้าตาได้นอกจากนี้ยังสามารถเล่นเพลงของ CD Audio ธรรมดาได้มีการปรับแต่งเสียงและอื่น ๆ อีกมากมาย ในบทนี้จะแนะนำวิธีการติดตั้งโปรแกรม Winamp Version 2.62 ซึ่งสามารถหา Download ได้จาก http://www.winamp.com/ มาดูวิธีการติดตั้งกัน เริ่มจากทำการ Download มาเก็บไว้ก่อนแล้วเริ่มต้นการติดตั้ง โดยดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ Setup ที่ดาวน์โหลดมาจะปรากฏหน้าต่างดังรูปที่ 1 ให้กดที่ปุ่ม Next
รูปที่ 1 แสดงการเริ่มติดตั้งโปรแกรม Winamp
(http://202.29.138.73/0252/Image40-1.gif)

 เมื่อกดปุ่ม Next แล้วจะปรากฏหน้าต่างดังรูปที่ 2 เป็นการเลือกให้ Winampสามารถทำงานกับไฟล์ต่าง ๆ ได้ให้กดที่ปุ่ม Next อีกครั้ง
รูปที่ 2 แสดงการเลือกไฟล์ที่จะทำงานร่วมกับ Winamp
(http://202.29.138.73/0252/winamp10.gif)

จะปรากฏหน้าต่างดังรูปที่ 3 เป็นการเลือกไดเรกทอรีที่จะติดตั้งโปรแกรมโดยโปรแกรมจะทำการเซ็กเนื้อที่ที่ว่างใน Harddiskและเนื้อที่ ๆโปรแกรมต้องการให้กดปุ่ม Next
รูปที่ 3 แสดงหน้าต่างการเลือกไดเรกทอรีติดตั้งโปรแกรม
(http://202.29.138.73/0252/winamp11.gif)

โปรแกรมจะเริ่มต้นการติดตั้ง
รูปที่ 4 แสดงการเริ่มติดตั้งโปรแกรม
(http://202.29.138.73/0252/winamp12.gif)

เมื่อติดตั้งไปซักพักโปรแกรมจะให้เลือกชนิดของการ Connect to the Internet ว่าท่านใช้แบบ LAN,Dial-Up หรือไม่มี Internet หรือถ้าหากจะใช้ Winamp เพื่อฟังเพลงจากเครื่องเราอย่างเดียวก็เลือก No Internet Connection Available แล้ว กด Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

รูปที่ 5 แสดงการเลือกการเชื่อมต่อกับ Internet หรือไม่
(http://202.29.138.73/0252/winamp13.gif)

เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วจะแสดงหน้าต่างดังรูปที่ 6 ให้กดที่ปุ่ม Run Winamp เพื่อเรียกโปรแกรม Winamp ขึ้นมา
รูปที่ 6 แสดงการสิ้นสุดการติดตั้งโปรแกรม Winamp
(http://202.29.138.73/0252/winamp14.gif)

หน้าตาของโปรแกรม Winamp ก็จะแสดงขึ้นมาดังรูปที่ 7 ส่วนในการติดตั้งโปรแกรม Winamp เวอร์ชันอื่น ๆ จะมีลักษณะคล้าย ๆ เรียกได้ว่าแทบจะเหมือนกันเลยที่เดียว
รูปที่ 7 แสดงหน้าตาของโปรแกรม Winamp
(http://202.29.138.73/0252/winamp14.gif)




12.3 การติดตั้ง Power DVD โปรแกรมสำหรับดูภาพยนตร์

         โปรแกรม PowerDVD เป็น Software จาก http://www.cyberlink.com.tw ใช้สำหรับดูหนังจาก VCD หรือ DVD ก็ได้ ได้ยินชื่อแล้วก็ดูน่ากลัวดี แต่ความจริงแล้วโปรแกรมนี้ออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ง่ายมาก ๆ ทีเดียว มีลูกเล่นได้หลายอย่าง แนะนำให้ลองหามาใช้ดู

         มาดูวิธีการติดตั้งกัน ดีกว่า เริ่มจากหา Download มาก่อน หลังจากที่ได้ Download มาแล้วให้ทำการ Unzip เก็บไว้ใน Folder ใหม่และเริ่มต้น setup โดยกดดับเบิลคลิกที่ไฟล์ setup

กดที่ Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป


กดที่ Yes เพื่อทำการติดตั้งต่อไป


กดที่ Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป


ใส่ชื่อและ CD-Key และกดที่ Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป


กดที่ Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป


กดที่ Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป


ยกเลิกการเลือกที่ช่อง Yes, I want to register now! ออกก่อนนะครับแล้วกด Finish 


กดที่ Yes เพื่อทำการติดตั้งต่อไป


กดที่ OK เป็นอันจบขั้นตอนการติดตั้ง พร้อมใช้งานได้ทันที





สรุปท้ายบท 

           โปรแกรม Winamp เป็นโปรแกรม Multimedia ที่นิยมใช้กับไฟล์ประเภท MP3 ซึ่งข้อดีของ Winamp คือ โปรแกรมมีขนาดเล็ก สามารถดาวน์โหลดได้จาก Internet และสามารถปรับเปลี่ยนหน้าตาของโปรแกรม (Skin) ได้มากมายหลายแบบ

บทที่ 11 การติดตั้งและใช้งานโปรแกรม WinZip 8.0

11.1  บทนำ

         วินซิปเป็นโปรแกรมอรรถประโยชน์โปรแกรมหนึ่งที่ต้องมีไว้ประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ วินซิปเป็นดปรแกรมที่ใช้สำหรับบีบอัดไฟล์หรือข้อมูลที่ต้องการทำให้มีขนาดไฟล์ที่เล็กพอที่จะทำการจัดเก็บลงในสื่อบันทึกข้อมูลที่ต้องการได้ นอกจากวินซิปแล้วยังมีโปรแกรมช่วยในการบีบอัดข้อมูลอีกหลายตัว เช่น WinRAR , ZipDisk เป็นต้น ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
         โปรแกรมวินซิปในปัจุบัน (2548) เป็นเวอร์ชัน 9.0 ซึ่งมีลักษณะการใช้งานแทบจะไม่แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าเลยเรียกได้ว่าจะลงเวอร์ชันใหนก็ใช้งานได้แทบจะเหมือนกัน



11.2  การลงโปรแกรมวินซิป

         1. ดับเบิ้ลคลิกที่ตัว setup ที่มีตัวอย่างสัญลักษณ์ดังนี้   



          2. คลิกปุ่ม ok เพื่อทำการติดตั้งโปรแกรม




          3. คลิก Next


         4. คลิกปุ่ม yes เพื่อยอมรับเงื่อนไขการใช้งานโปรแกรม

         
          5. คลิก next เพื่อดำเนินการต่อไป


         6.เลือกที่ปุ่ม Start with WinZip Classic  แล้วคลิกปุ่ม Next



         7. คลิกเลือก Express setup[recommended] แล้วคลิกปุ่ม Next


       8. คลิกปุ่ม Next เพื่อดำเนินการในขั้นต่อไป

         9. คลิกปุ่ม Finish เพื่อเสร็จสิ้นการติดตั้งโปรแกรม

         
          10. เลือก Never show tips at startup แล้วคลิกปุ่ม Close

         11. จะเห็นหน้าต่างของโปรแกรม WinZip ที่พร้อมใช้งาน 

         



 11.3  การใช้งานโปรแกรมวินซิป

         วินซิปเป็นโปรแกรมใข้งานในการบีบอัดไฟล์หรือ ข้อมูลต่างๆ ให้เล็กลง แต่ส่วนมากวินซิปจะใช้ได้ผลดีกับข้อมูลประเภทไฟล์เอกสาร หรือไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ แต่จะไม่ค่อยได้ผลซักเท่าไรกับไฟล์ประเภทภาพถ่ายจะบีบอัดข้อมูลได้น้อยหรือแทบจะไม่ได้เลยนั่นเอง
         ในตัวอย่างการบีบอัดนี้จะทดลองบีบอัดไฟล์เอกสารไมโครซอฟต์เวิร์ดนามสกุล .DOC



11.4  การบีบอัดไฟล์เอกสาร

         1. เปิดโปรแกรม WinZip โดยตรง 



         2. เปิดโปรแกรม WinZip ในรูปแบบ Wizard


          3. เปิดโปรแกรม Window Explorer จากนั้นเลือก file หรือเลือกกลุ่ม file ที่ต้องการคลิกขวา เลือก Add to Zip


          หมายเหตุ การเลือก file มากกว่า 1 file ให้ทำโดย คลิกเลือก file แรกก่อน จากนั้นกดปุ่ม shift ค้างและเลือก file ที่ต้องการเลือก 



11.5  การขยายหรือระเบิดไฟล์ที่ถูกย่อ

         1. เปิดหาไฟล์ที่เราจะระเบิด
ตามตัวอย่างนี้ ดาวน์โหลดไฟล์มาเก็บไว้ที่ My Documents จึงเปิด My Documents

         2. ดับเบิลคลิกที่ไฟล์นั้น (ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจาก Internet ซึ่งมีสกุล .zip)
เพื่อเปิดโปรแกรม Winzip ขึ้นมา (ดังรูป) จะเห็นไฟล์มากมายที่ถูกคลายออกมา



         3. คลิกที่ Extract

         4. ในขั้นตอนนี้ จะอธิบายตามหมายเลข 1-3 ดังนี้
                  4.1. Extract to หมายถึง โฟลเดอร์ที่จะนำไฟล์ทั้งหมดไปเก็บไว้ ในที่นี้จะเก็บไว้ที่ 123
                  4.2. All files/folders in archive ตรงนี้ให้คลิกเลือกดังรูปเพื่อเลือกเอาไฟล์ทั้งหมด
                  4.3. Extract ให้คลิกปุ่มนี้เพื่อเริ่ม Extract ไฟล์


         5. ในขั้นตอนนี้ให้รอจนกว่าจะ Extract เสร็จ


         6. เข้าไปที่ My Documents ที่ซึ่งเก็บไฟล์นี้ไว้ (เก็บไว้ที่ไหนให้เข้าไปที่นั่น) แล้วดับเบิลคลิก
         เมื่อเข้ามาในโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ไว้ ก็จะเห็นไฟล์ที่ถูก Extract ออกมาทั้งหมด



11.6  การรวมไฟล์ด้วยวินซิป

         อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ว่าโปรแกรมบีบอัดไฟล์ สามารถบีบอัดหลายๆ ไฟล์ให้อยู่ในกล่องเดียวกัน เพื่อสะดวกต่อการอัพโหลด/ดาวน์โหลด หากท่านต้องการบีบหลายๆ ไฟล์รวมกัน ก็ให้ทำการคลุมไฟล์ที่ต้องการ (สามารถใช้วิธีคลิ้กเลือกไฟล์ บวกกับการกด Ctrl ค้างเอาไว้ เพื่อเลือกไฟล์อื่นๆ ในโฟล์เดอร์เดียวกัน) แล้วคลิ้กขาว WinZip --> Add to Cat.zip
ในที่นี้ ชื่อไฟล์ default ที่ได้ จะเป็นชื่อโฟลเดอร์นั้นๆ ที่เปิดใช้งานอยู่


         
         หรือจะใช้วิธีคลิ้กขวา เลือก WinZip --> Add to Zip file ... แล้วกด New เพื่อใส่ชื่อไฟล์ แล้วกด Add เพื่อสร้างไฟล์ซิป



         ไฟล์ที่ได้ในไฟล์บีบอัดนั้นๆ ก็จะเป็นไฟล์ต่างๆ ที่เลือกไว้




         หรือจะทำการบีบอัดไฟล์ทั้งโฟลเดอร์เลยก็ได้ หากไม่ต้องจำเพาะเจาะจงคัดเลือกไฟล์ใดๆ





สรุปท้ายบท

         ขนาดของไฟล์ในปัจจุบันมีขนาดที่เพิ่มขึ้นมากกว่าสมัยก่อน เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีด้านมัลติมิเดียได้ก้าวหน้าไปมาก การใช้ภาพ ใช้เสียง ในการทำงานก็ก้าวหน้าตามไปด้วย จึงทำให้ขนาดของไฟล์มีขนาดเพิ่มขึ้นนั่นเอง การใช้งานโปรแกรมวินซิปเพื่อใช้ลดขนาดของเอกสารเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากช่วยลดขนาดของไฟล์ลงไปได้อย่างมาก ทำให้ไม่สิ้นเปลืองเนื้อที่จัดเก็บ แต่ข้อเสียของโปรแกรมวินซิปคือ การลดขนาดไฟล์ชนิดภาพถ่าย ทำได้ไม่ดีนัก แทบจะไม่แตกต่างจากไฟล์ต้นฉบับเท่าใดนัก แต่ถ้าเป็นไฟล์ชนิดเอกสาร โปรแกมวินซิปสามารถลดขนาดของไฟล์ได้อย่างดีทีเดียว

บทที่ 10 การติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัส PC-Cillin 2000

10.1 บทนำ

          โปรแกรม PC-Cillin 2000 เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ไม่ไปโหลดการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์มากนัก ไม่ทำให้เครื่องช้าลง และการอัพเกรดข้อมูลไวรัส ทำได้ง่ายและรวดเร็วมากและที่สำคัญสามารถทำการตรวจสอบไวรัสที่มีมากับอีเมล์ได้ด้วย ในบทนี้จะมาเรียนการติดตั้งและใช้งานโปรแกรม PC-Cillin

10.2 การติดตั้งโปรแกรม PC-Cillin 

         ใส่แผ่น CD-Rom ที่มีโปรแกรม PC-Cillin แล้วดับเบิ้ลคลิกเปิดไฟล์ pcc2k.exe เพื่อเริ่มขั้นตอนการติดตั้ง
หลังจากเรียกไฟล์สำหรับทำการติดตั้งจะได้หน้าจอตามภาพ กดที่ปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
รูปที่ 1 แสดงการเริ่มติดตั้งโปรแกรม PC-Cillin

จะได้หน้าจอตามรูปภาพที่ 2 กดที่ปุ่ม Yes เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
รูปที่ 2 แสดงเงื่อนไขการใช้งานโปรแกรม

โปรแกรมจะทำการตรวจสอบว่าไม่มีไวรัสอยู่ในระบบ กด OK เพื่อทำงานต่อไป
รูปที่ 3 

หากไม่ต้องการสร้างก็กด Cancel
รูปที่ 4
         ตรงนี้จะเป็นส่วนของการสร้าง McAfee Emergency Disk ซึ่งถ้าเราสร้าง จะสามารถนำแผ่น Disk นี้ไปบูทเครื่องได้แบบไม่มีไวรัส ซึ่งแนะนำว่า ควรจะมีการทำแผ่นนี้ เก็บไว้ สำหรับในกรณีตอนที่เครื่องมีปัญหาจริงๆ หรือเครื่องของเพื่อนๆมีปัญหา จะได้นำแผ่นนี้ ไปแก้ไขให้กับเครื่องของเพื่อนได้ และ ทำเสร็จ ควรจะทำการ write protect แผ่นไว้ด้วย ( ทำโดย สังเกตที่แผ่น diskette จะมีปุ่มดำๆ ให้เลื่อนไปอีกข้างหนึ่ง )

กด NO เพื่อทำงานต่อไปโดยไม่ต้องการอ่านรายละเอียด
รูปที่ 5

บอกว่าไฟล์เริ่มต้น autoexec.bat ของเครื่องจะเปลี่ยนไป กด Next
รูปที่ 6

 หลังจากที่ทำการติดตั้งจนเสร็จ จะต้องทำการบูทเครื่องใหม่ก่อนนะครับจึงจะเริ่มต้นใช้งานได้ กด Finish เพื่อ Restart Computer
รูปที่ 7

         หลังจากที่ได้ติดตั้ง McAfee แล้วควรจะทำการตรวจสอบด้วยนะครับว่าได้ทำการ Enable การป้องกันไว้ด้วยหรือเปล่า โดยกดที่ไอคอนของ McAfee ที่ Menu Bar ด้านล่างขวา

ในส่วนของ System Scan Status ให้เป็น Enable หรือขึ้นแบบตามรูปครับ (อย่ากดที่ Disable)
รูปที่ 8




10.3 การอัพเกรดข้อมูลไวรัสของ PC-Cillin 2000 เพื่อที่จะรู้จักกับไวรัสตัวใหม่ๆ

     10.3.1 การอัพเกรดข้อมูลไวรัสแบบ Automatic
            ในที่นี้ จะขอแนะนำวิธีการ อัพเดตข้อมูลไวรัสแบบ Automatic เนื่องจากว่าเป็นวิธีการที่ง่าย และรวดเร็วครับ วิธีการเริ่มต้นจาก เปิดโปรแกรม PC-Cillin 2000 ขึ้นมาก่อน

 หลังจากเปิดโปรแกรมแล้ว เลือกกดที่ปุ่ม Update และเลือกที่ Update Now


 โปรแกรมจะแสดงรายการของข้อมูลไวรัสที่มีอยู่ ว่ามีการอัพเดตล่าสุดถึงรุ่นไหน ให้กดที่ปุ่ม Next เพื่อทำการตรวจสอบและอัพเดต


 ในขั้นตอนนี้ หากเรายังไม่ได้ทำการ Register จะมีเมนูแบบนี้ขึ้นมาก็ให้ใส่ชื่อและอีเมล์ของท่านลงไป หรืออาจจะใส่ชื่อหลอก ๆ ไว้แบบตัวอย่างก็ได้ และกดที่ปุ่ม Register Now (ถ้าหากทำการ Register ไปแล้วจะไม่มรเมนูนี้ขึ้นมา)


 จากนั้น โปรแกรมจะทำการตรวจสอบข้อมูลของไวรัสที่มีอยู่ และข้อมูลของไวรัสบนเว็บไซต์ ว่าเป็นข้อมูลล่าสุดหรือไม่ หากไม่ใช่ล่าสุด ก็จะแสดงรายละเอียดและเริ่มต้นการดาวน์โหลดข้อมูลไวรัสตัวล่าสุด เพื่อทำการอัพเดตเอง กดที่ปุ่ม Yes เพื่อทำการอัพเดตต่อไป


 โปรแกรมจะเริ่มต้นการดาวน์โหลดข้อมูลไวรัสล่าสุด รอสักพักหนึ่งก่อนครับ เมื่อโปรแกรมดาวน์โหลดข้อมูลมาเรียบร้อย ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนของการ อัพเดตข้อมูล เพื่อให้โปรแกรมรู้จักกับไวรัสตัวใหม่ ๆ ได้แล้ว


     10.3.2 การอัพเกรดข้อมูลไวรัสแบบ Manual
           สำหรับการดาวน์โหลดข้อมูลไวรัส และนำมาทำการอัพเกรดแบบ Manual ก็ทำได้โดยการเข้าไปดาวน์โหลดข้อมูลไวรัสตัวใหม่ๆ ที่เว็บไซต์ http://www.antivirus.com/ จากนั้นเลือกดาวน์โหลด Scan Engine และ Pattern File ของไวรัสตัวใหม่ล่าสุดมาทำการ Unzip และนำมา Copy ทับลงไปใน Folder ของโปรแกรม PC-Cillin 2000 หรือ C:\Program Files\Trend PC-Cillin 2000 โดยทำการลงทับของเก่าได้เลย ทั้งในส่วนของ Scan Engine และ Pattern Data เมื่อทำการ Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่อีกครั้ง โปรแกรมก็จะอ่านข้อมูล และสามารถรู้จักไวรัสใหม่ๆ ได้ทันที



สรุปท้ายบท

        ไวรัสคอมพิวเตอร์ คือ โปรแกรมที่มีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อหวังผลประฌโยชน์ทางใดทางหนึ่งจากบุคคลที่ติดไวรัส
        ปัจจุบันไวรัสคอมพิวเตอร์มีความรุนแรงมากกว่าแต่ก่อนมาก ซึ่งไวรัสในปัจจุบันไม่เพียงแต่จะทำลายซอฟต์แวร์เท่านั้น ยังทำลายฮาร์ดแวร์ภายในเครื่องได้อีกด้วย การอัพเกรดแอนตี้ไวรัสเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดไวรัสได้มาก เนื่องจากถึงแม้โปรแกรมแอนตร้ไวรัสจะมีความสามารถมากเพียงใดก็ไม่สามารถที่จะไล่ตามไวรัสที่เพิ่มขึ้นมาได้อย่างมากมายในแต่ละวันได้