2.1 บทนำ
อุปกรณ์หลักที่นำมาประกอบเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์มีหลายชนิด หนึ่งในนั้นคือเมนบอร์ด ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์หัวใจตัวหนึ่งที่ใช้ในการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ เมนบอร์ดที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันมีอยู่ 3 ชนิด หลัก ๆ คือ เมนบอร์ดชนิด AT, ATX, และเมนบอร์ดสำหรับเซอร์เวอร์ (Main board Server) ซึ่งเมนบอร์ดแต่ละชนิดนั้นก็มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป เช่น เมนบอร์ดชนิด AT จะเป็นเมนบอร์ดรุ่นเก่าซึ่งใช้กับเคส (Case) ที่เป็นแบบชนิด AT ด้วย ซึ่งเมนบอร์ดรุ่นเก่านี้ระบบระบายความร้อนในเคสจะไม่สะดวกนักมักมีช่องว่างหรือเนื้อที่ภายในเคสน้อยจึงทำให้ข้างในเคสมีความร้อนสูงกว่าแบบ ATX ซึ่งเป็นเมนบอร์ดที่ผลิตออกมาสำหรับเคศแบบ ATX จะมีเนื้อที่ภายในเคสค่อนข้างมากจึงทำให้อากาศถ่ายเทได้ดีกว่า
2.2 เมนบอร์ดคืออะไร
เมนบอร์ด (Main board) หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า มาร์เธอร์บอร์ด (Mother Board) ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่เป็นหัวใจสำคัญสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ เนื่องจากเมนบอร์ดเป็นแผงวงจรหลักที่ใช้สำหรับการติดตั้งหรือต่อพ่วงอุปกรณ์ต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์
องค์ประกอบที่สำคัญสำหรับเมนบอร์ดนั้น ก็คือการเชื่อมโยงของสายไฟ ไปยังอุปกรณ์ที่อยู่บน M/B มากมาย หากมีคนสังเกตลายทองแดงบนปริ้นของเมนบอร์ดแล้ว ก็จะเป็นในส่วนของทางเดินของสัญญาณแทบทั้งสิ้นเสมือนเป็นถนนสำหรับลำเลัียงสิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะแล้วกับข้อมูลที่เป็นส่วนสำคัญที่สุด ช่องทางเดินของ สัญญาณต่าง ๆ เหล่านี้ รวมเรียกว่า "ระบบบัส" ระบบบัสที่เหมาะสมจะต้องเร็วพอที่จะยอมให้อุปกรณ์อื่น ๆ รับและส่งข้อมูลผ่านได้ด้วยความเร็วเต็มความสามารถของอุปกรณ์นั้น เพื่อจะได้ไม่เป็นตัวคอยถ่วงให้การทำงานของอุปกรณ์อื่นช้าตามลงไปเพราะอุปรณ์ที่ช้ากว่า
ครั้งถึงรุ่นเอที ก็ได้หาทางสร้างขนาดของเมนบอร์ดให้มีมาตรฐานขึ้น โดยเฉพาะเครื่องที่พัฒนาต่อมาจะใช้ขนาดของเมนบอร์ดเอทีเป็นหลัก
จนเมื่อพัฒนาการของเทคโนโลยีก้าวหน้ามามาก สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในเมนบอร์ดยิ่งมีความสำคัญจนกระทั่งถึงประมาณปี พ.ศ. 2538 หรือขณะนั้นพีซีกำลังก้าวสู่รุ่นเพนเทียม บริษัทอินเทลได้เสนอขนาดของเมนบอร์ดแบบมาตรฐานและเรียกว่า ATX ซึ้งใช้งานจนถึงทุกวันนี้
จากขนาดของ ATX ก็มีพัฒนาการต่อเพื่อทำเครื่องให้มีขนาดกระทัดรัดขึ้น โดยลดขนาดของเมนบอร์ดลงและเรียกว่า MicroATX และลดลงอีกในรูปแบบที่ชื่อ FlexATX
เมนบอร์ดแบบ ATX
ลักษณะสำคัญของ ATX เมนบอร์ด ATX มีขนาด 12 นิ้ว x 9.6 นิ้ว เป็นขนาดที่มาตรฐานที่สามารถถอดใส่เปลี่ยนกันได้ และเพื่อให้เมนบอร์ดถอดเปลี่ยนกันได้ การออกแบบเมนบอร์ดจึงต้องคำนึงถึงขนาดและตำแหน่งของรูที่ยึดติดกันกับแท่น และการวางลงในตำแหน่งตัวเครื่อง (กล่อง) ได้อย่างพอดี ขนาดของ ATX ได้รับการออกแบบมาเพื่อมีขนาดพอเหมาะที่จะใส่ของที่สำคัญและจำเป็นได้ครบ ตั้งแต่ซีพียู สล็อตขยายระบบการจัดวางอุปกรณ์ต้องให้ตำแหน่งได้ลงตัวและไม่ยุ่งยากในเรื่องสายเคเบิ้ลที่จะเชื่อมบนบอร์ด
ความคล่องัวของการใส่อุปกรณ์ในสล็อต ใส่ซีพียู ติดพัดลม และมีช่องขยายพอร์ต มีพอร์ตที่จำเป็นพร้อมขยายเพิ่มได้ เช่น พอร์ตอนุกรม พอร์ตขนาน พอร์ตมาตรฐานต่าง ๆ พอร์ต USB พอร์ต TV in/out
ผู้ออกแบบจะต้องคำนึงถึงช่องทางไหลของอากาศเพื่อระบายความร้อน และลดเสียงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่มีการใส่อุปกรณ์ต่าง ๆ ลงไปบนบอร์ด เช่น พัดลม บนบอร์ดรับสายเชื่อมรองกับแหล่งจ่ายไฟเลี้ยงซึ่งปัจจุบันใช้มาตรฐาน + - 5 โวลต์ + - 12 โวลต์ และ 3.3 โวลต์ อีกทั้งระยะห่างจะต้องเหมาะสมเพื่อการประกอบได้ง่าย
เมนบอร์ดแบบ Micro ATX
เป็นเมนบอร์ดที่ลดขนาดลงโดยมีขนาดเพียง 9.6 นิ้ว x 9.6 นิ้ว จุดประสงค์คือ ต้องการให้ตัวกล่องบรรจุมีขนาดเล็กลง แต่จากที่ขนาดเล็กลงจำเป็นต้องลดพื้นที่ในส่วนของจำนวนสล็อตต่าง ๆ ทำให้เครื่องที่ใช้เมนบอร์ด แบบ MicroATX มีขีดความสามารถในการขยายระบบได้จำกัด และในปี พ.ศ. 2542 อินเทลได้พัฒนารุ่นเมนบอร์ดใหม่ที่มีขนาดเล็กลงไปอีก โดยใช้ชื่อรุ่นว่า FlexATX โดยมีขนาดของเมนบอร์ดเพียง 9 นิ้ว x 7.5 นิ้ว เพื่อให้ขนาดเครื่องพีซีมีขนาดเล็กลงไปอีก
2.6.1 สล็อตสีขาว หรือ PCI Slot
PCI มาจากคำว่า Peripheral Computer Interconnection เป็นสล้อตที่ใช้สำหรับเสียบอุปกรณ์จำพวก การ์ดจอภาพชนิดพีซีไอ การ์ดเสียง การ์ดโมเด็ม การ์ดอุปกรณ์ใด ๆ ที่สามารถเสียบกับสล็อต พีซีไอได้ สล็อตพีซีไอ มีอัตราคาวมเร็วในการส่งข้อมูลอยุ่ที่ 33.3 เมกกะเฮิรตซ์ ส่วนขนาดของบิตข้อมูลที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันระหว่างการ์ด พีซีไอ กับ ไมโครโปรเซสเซอร์ จะมีขนาด 32 บิต ซึ่งอัตราความเร็วในการส่งข้อมูลของสล็อตพีซีไอสามารคำนวณออกมาได้ดังนี้
ถ้าหากเป็นระบบ พีซีไอ บัส ขนาด 64 บิต ก็จะได้ความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า นั่นคือ 264 เมกะบิตต่อวินาที
คุณลักษณะสำคัญของสล็อต พีซีไอ มีดังนี้
1.6.1.1 มีอัตราความเร็ว 3 แบบ คือ มาตรฐาน พีซีไอ 2.0 2.1 2.2 ซึ่งในปัจจุบันนี้ใช้มาตรฐานพีซีไอ 2.2 ที่สามารถติดตั้งสล็อตบนเมนบอร์ดได้ถึง 5 สล็อต
1.6.1.2 สามารถโอนถ่ายข้อมูลได้อย่างต่อเนื่องและมีขนาดของการส่งข้อมูลไม่เท่ากันได้
1.6.1.3 มีระบบการทำงานแบบ ปลัีกแอนด์เพลย์ (Plug and Play) คือสามารถเสียบการ์ดแล้วทำงานได้โดยอัตโนมัติ
1.6.1.4 เป็นระบบบัสที่ไม่ขึ้นตรงกับโปรเซสเซอร์ใด ๆ
1.6.1.5 มีระบบการตรวจสอบความผิดพลาดและรายงานขณะส่งข้อมูล
2.6.2 สล็อตสีดำ หรือ ISA Slot
ISA ย่อมาจากคำว่า Industry Standard
Architecture เป็นสล้อตแบบเก่ามีความยาวมากที่สุดบนเมนบอรืด มีทั้งแบบ 8 บิต และ 16 บิต ทำงานที่ความเร็วในช่วง 7.9-8.33 เมกะเฮิรตซ์ อัตราความเร็วในการส่งข้อมูลอยู่ที่ 4.5 เมกะไบต์ต่อวินาที
ปัจจุบันนี้เมนบอรืดรุ่นใหม่ ๆ ได้เลิกผลิตสล้อตแบบไอเอสเอ ไปเรียบร้อยแล้วเนื่องจากว่าส่งข้อมูลได้ช้า จำนวนของข้อมุลที่ส่งออกไปก้น้อยมากและผู้ผลิตการ์ดในปัจจุบันก็ไม่ผลิตการ์ดแบบไอเอสเอ ออกมาสู่ตลาดแล้ว
2.6.3 สล็อตสีน้ำตาล หรือ AGP Slot
AGP (Accelerated Graphic Port)
เป็นสล้อตที่ได้ออกแบบมาสำหรับใช้กับการ์ดแสดงผล ที่มีการส่งผ่านข้อมูลจำนวนมากที่สุดด้วยความเร้วที่สูงทีสุด แต่ในเมนบอร์ดจะมีเพียง 1 สล็อตเท่านั้น AGP มีขนาดความกว้าง 32 บิต ความเร้วเริ่มที่ 66 MHz และมีพัฒนาความเร็วไปที่ 133 และ 266 MHz ตามลำดับ
เพาเวอร์ซัพพลายมีหน้าที่หลักก็คือ เปลี่ยนแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับจากไฟบ้าน 220 โวลต์ เอซีให้เป็นแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงดีซีที่คอมพิวเตอร์ต้องใช้
![]() |
รูปที่ 1 แสดงรูปเมนบอร์ดของเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี |
องค์ประกอบที่สำคัญสำหรับเมนบอร์ดนั้น ก็คือการเชื่อมโยงของสายไฟ ไปยังอุปกรณ์ที่อยู่บน M/B มากมาย หากมีคนสังเกตลายทองแดงบนปริ้นของเมนบอร์ดแล้ว ก็จะเป็นในส่วนของทางเดินของสัญญาณแทบทั้งสิ้นเสมือนเป็นถนนสำหรับลำเลัียงสิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะแล้วกับข้อมูลที่เป็นส่วนสำคัญที่สุด ช่องทางเดินของ สัญญาณต่าง ๆ เหล่านี้ รวมเรียกว่า "ระบบบัส" ระบบบัสที่เหมาะสมจะต้องเร็วพอที่จะยอมให้อุปกรณ์อื่น ๆ รับและส่งข้อมูลผ่านได้ด้วยความเร็วเต็มความสามารถของอุปกรณ์นั้น เพื่อจะได้ไม่เป็นตัวคอยถ่วงให้การทำงานของอุปกรณ์อื่นช้าตามลงไปเพราะอุปรณ์ที่ช้ากว่า
2.3 ความเป็นมาของเมนบอร์ด
พัฒนาการของเมนบอร์ดมีมาตั้งแต่ครั้งไอบีเอ็มออกแบบพีซีในปี 2524 โดยพัฒนาขนาดรูปร่างของเมนบอร์ดมาใช้กับเครื่องรุ่นพีซี และต่อมายังพัฒนาใช้กับรุ่นเอ็กซ์ทีครั้งถึงรุ่นเอที ก็ได้หาทางสร้างขนาดของเมนบอร์ดให้มีมาตรฐานขึ้น โดยเฉพาะเครื่องที่พัฒนาต่อมาจะใช้ขนาดของเมนบอร์ดเอทีเป็นหลัก
จนเมื่อพัฒนาการของเทคโนโลยีก้าวหน้ามามาก สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในเมนบอร์ดยิ่งมีความสำคัญจนกระทั่งถึงประมาณปี พ.ศ. 2538 หรือขณะนั้นพีซีกำลังก้าวสู่รุ่นเพนเทียม บริษัทอินเทลได้เสนอขนาดของเมนบอร์ดแบบมาตรฐานและเรียกว่า ATX ซึ้งใช้งานจนถึงทุกวันนี้
จากขนาดของ ATX ก็มีพัฒนาการต่อเพื่อทำเครื่องให้มีขนาดกระทัดรัดขึ้น โดยลดขนาดของเมนบอร์ดลงและเรียกว่า MicroATX และลดลงอีกในรูปแบบที่ชื่อ FlexATX
เมนบอร์ดแบบ ATX
ลักษณะสำคัญของ ATX เมนบอร์ด ATX มีขนาด 12 นิ้ว x 9.6 นิ้ว เป็นขนาดที่มาตรฐานที่สามารถถอดใส่เปลี่ยนกันได้ และเพื่อให้เมนบอร์ดถอดเปลี่ยนกันได้ การออกแบบเมนบอร์ดจึงต้องคำนึงถึงขนาดและตำแหน่งของรูที่ยึดติดกันกับแท่น และการวางลงในตำแหน่งตัวเครื่อง (กล่อง) ได้อย่างพอดี ขนาดของ ATX ได้รับการออกแบบมาเพื่อมีขนาดพอเหมาะที่จะใส่ของที่สำคัญและจำเป็นได้ครบ ตั้งแต่ซีพียู สล็อตขยายระบบการจัดวางอุปกรณ์ต้องให้ตำแหน่งได้ลงตัวและไม่ยุ่งยากในเรื่องสายเคเบิ้ลที่จะเชื่อมบนบอร์ด
ความคล่องัวของการใส่อุปกรณ์ในสล็อต ใส่ซีพียู ติดพัดลม และมีช่องขยายพอร์ต มีพอร์ตที่จำเป็นพร้อมขยายเพิ่มได้ เช่น พอร์ตอนุกรม พอร์ตขนาน พอร์ตมาตรฐานต่าง ๆ พอร์ต USB พอร์ต TV in/out
ผู้ออกแบบจะต้องคำนึงถึงช่องทางไหลของอากาศเพื่อระบายความร้อน และลดเสียงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่มีการใส่อุปกรณ์ต่าง ๆ ลงไปบนบอร์ด เช่น พัดลม บนบอร์ดรับสายเชื่อมรองกับแหล่งจ่ายไฟเลี้ยงซึ่งปัจจุบันใช้มาตรฐาน + - 5 โวลต์ + - 12 โวลต์ และ 3.3 โวลต์ อีกทั้งระยะห่างจะต้องเหมาะสมเพื่อการประกอบได้ง่าย
เมนบอร์ดแบบ Micro ATX
เป็นเมนบอร์ดที่ลดขนาดลงโดยมีขนาดเพียง 9.6 นิ้ว x 9.6 นิ้ว จุดประสงค์คือ ต้องการให้ตัวกล่องบรรจุมีขนาดเล็กลง แต่จากที่ขนาดเล็กลงจำเป็นต้องลดพื้นที่ในส่วนของจำนวนสล็อตต่าง ๆ ทำให้เครื่องที่ใช้เมนบอร์ด แบบ MicroATX มีขีดความสามารถในการขยายระบบได้จำกัด และในปี พ.ศ. 2542 อินเทลได้พัฒนารุ่นเมนบอร์ดใหม่ที่มีขนาดเล็กลงไปอีก โดยใช้ชื่อรุ่นว่า FlexATX โดยมีขนาดของเมนบอร์ดเพียง 9 นิ้ว x 7.5 นิ้ว เพื่อให้ขนาดเครื่องพีซีมีขนาดเล็กลงไปอีก
2.4 ส่วนประกอบของเมนบอร์ด
![]() |
รูปที่ 2 แสดงส่วนประกอบของเมนบอร์ด ที่มา : http://taitingtong.tripod.com/Intocom/motherboard.jpg |
Socket คือส่วนที่ใช้สำหรับซีพีบู ซึ่งแต่ละเมนบอร์ดจะออกแบบ ซ็อกเก็ต ให้เหมาะสมกับซีพียูที่เมนบอร์ดนั้นรองรับ
IDE-Steckplatz คือช่องสำหรับเสียบสายแพร ที่ใช้เชื่อมต่อกับฮาร์โดิสก์ และซีดีรอม
RAM-Speicherplatze (DIMM) คือช่องสำหรับเมมโมรี หรือแรม บางเมนบอร์ดอาจจะเสียบเมมโมรี ได้ถึงสองชนิดในบอร์ดเดียว
Externe Schnittstellen พอร์ตสำหรับต่อกับอุปกรณ์ภายนอกเช่น ปริ้นเตอร์
Disketten-Laufwerk คือช่องสำหรับเสียบสายแพร สำหรับเสียบกับฟล็อปปี้ดิสก์
Stromstecker ช่องสำหรับเสียบสาย Power ซึ่งมีสองแบบคือ สายแบบ AT และ สายแบบ ATX
Chipsatz คือ ซิปที่รวบรวมคำสั่งเพื่อสนับสนุนการทำงานของเมนบอร์ด
AGP-Steckplatz คือ สล็อตสำหรับเสียบการ?ดแสดงภาพแบบชนิด AGP
Batterie fur die ExhtZeituhr คือแบตเตอรี่สำหรับเลี้ยงไบออส เมื่อเวลาปิดเครื่อง เมื่อเวลาเปิดเครื่องจะชาร์ตการทำงานได้
PCI-Steckplatze คือ สล็อตสำหรับเสียบการ์ดแบบ PCI
ISA-Steckplatze คือ สล้อตสำหรับเสียบการ์ดแบบ ISA ซึ่งในปัจจุบันเมนบอร์ดใหม่ ๆ จะไม่มีสล็อตนี้
2.5 ซิปเซต
ซิปเซตเป็นซิปที่สนันสนุนและประกอบอยู่บนเมนบอร์ด ปกติผู้เลือกวื้อยากที่จะเข้าใจถึงขีดความสามารถขิงซิปเซต เพราะความจริงแล้วคงเลือกที่รุ่นของเมนบอร์ดหลัก แต่ซิปเซตจะเป้นตัวสนับสนุนสเปกที่สำคัญของเมนบอร์ด ข้อมูลทางด้านซิปเซตเป็นข้อมูลทางเทคนิคที่กำหนดการสนับสนุนและการทำงานบนบอร์ด ดดยจะเกี่ยวข้องกับความเร็วของบัส และสล้อต ตลอดจนพอร์ตต่าง ๆ ดังนั้นผู้ใช้ส่วนใหย่จะพิจารณาจำนวนหรือขีดความสามารถของพอรืต และสล็อตเป็นสำคัญ
บริษัทผู้ผลิตซิปเซต ประกอบด้วยบริษัทชั้นนำในการผลิตซีพียู เช่น อิเทล เอเอ็มดี ที่ต้องผลิตซิปเซต ขึ้นสนับสนุนการทำงานซีพียูของตน แต่มีบริษัทของประเทศใต้หวัน ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำและผลิตซิปเซตที่ใช้บนเมนบอร์ด และเป็นที่นิยมใช้กันมากเพราะมีประสิทธิภาพสูง ราคาถูก ทำให้เมนบอร์ดที่มีขายจึงใช้จากบริษัทนี้เป็นจำนวนมาก บริษัทผลิตซิปเซตนี้คือ VIA มีการผลิตรุ่นต่าง ๆ ออกมาใช้บนเมนบอร์ดมาก จัดเป็นบริษัทซิปเซตที่ประสบความสำเร็จมากในขณะนี้
![]() |
รูปที่ 3 แสดงภาพของซิปเซต ที่มา : http://taitingtong.tripod.com/pentium4htxe.jpg |
2.6 สล็อต
เป็นช่องสำหรับเสียบอุปกรณืเพิ่มเติม เช่น การ์ดต่าง ๆ บนเมนบอร์ด ซึ่งถ้ามองไปบนเมนบอรืดจะเห็นเป็นช่องเสียบการ์ด ที่มีทั้งสี ขาว ดำ น้ำตาล ซึ่งเราเรียกช่องอุปกรณ์เหล่านี้ว่า I/O Expansion Slot เราสามารถแบ่งชนิดของสล็อตได้จากสีดังนี้
2.6.1 สล็อตสีขาว หรือ PCI Slot
![]() |
รูปที่ 4 แสดงภาพสล็อต พีซีไอ ที่มา : http://en.wikipedia.org/wiki/Conventional_PCI |
33 เมกะเฮิรตซ์ x 32 บิต = 1,056 Mbit/วินาที
1,056 Mbit/วินาที / 8 บิต = 132 Mb/วินาที
ถ้าหากเป็นระบบ พีซีไอ บัส ขนาด 64 บิต ก็จะได้ความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า นั่นคือ 264 เมกะบิตต่อวินาที
คุณลักษณะสำคัญของสล็อต พีซีไอ มีดังนี้
1.6.1.1 มีอัตราความเร็ว 3 แบบ คือ มาตรฐาน พีซีไอ 2.0 2.1 2.2 ซึ่งในปัจจุบันนี้ใช้มาตรฐานพีซีไอ 2.2 ที่สามารถติดตั้งสล็อตบนเมนบอร์ดได้ถึง 5 สล็อต
1.6.1.2 สามารถโอนถ่ายข้อมูลได้อย่างต่อเนื่องและมีขนาดของการส่งข้อมูลไม่เท่ากันได้
1.6.1.3 มีระบบการทำงานแบบ ปลัีกแอนด์เพลย์ (Plug and Play) คือสามารถเสียบการ์ดแล้วทำงานได้โดยอัตโนมัติ
1.6.1.4 เป็นระบบบัสที่ไม่ขึ้นตรงกับโปรเซสเซอร์ใด ๆ
1.6.1.5 มีระบบการตรวจสอบความผิดพลาดและรายงานขณะส่งข้อมูล
![]() |
รูปที่ 5 แสดงภาพสล้อต ไอเอสเอ |
ISA ย่อมาจากคำว่า Industry Standard
Architecture เป็นสล้อตแบบเก่ามีความยาวมากที่สุดบนเมนบอรืด มีทั้งแบบ 8 บิต และ 16 บิต ทำงานที่ความเร็วในช่วง 7.9-8.33 เมกะเฮิรตซ์ อัตราความเร็วในการส่งข้อมูลอยู่ที่ 4.5 เมกะไบต์ต่อวินาที
ปัจจุบันนี้เมนบอรืดรุ่นใหม่ ๆ ได้เลิกผลิตสล้อตแบบไอเอสเอ ไปเรียบร้อยแล้วเนื่องจากว่าส่งข้อมูลได้ช้า จำนวนของข้อมุลที่ส่งออกไปก้น้อยมากและผู้ผลิตการ์ดในปัจจุบันก็ไม่ผลิตการ์ดแบบไอเอสเอ ออกมาสู่ตลาดแล้ว
![]() |
รูปที่ 6 แสดงภาพสล็อต เอจีพี |
AGP (Accelerated Graphic Port)
เป็นสล้อตที่ได้ออกแบบมาสำหรับใช้กับการ์ดแสดงผล ที่มีการส่งผ่านข้อมูลจำนวนมากที่สุดด้วยความเร้วที่สูงทีสุด แต่ในเมนบอร์ดจะมีเพียง 1 สล็อตเท่านั้น AGP มีขนาดความกว้าง 32 บิต ความเร้วเริ่มที่ 66 MHz และมีพัฒนาความเร็วไปที่ 133 และ 266 MHz ตามลำดับ
2.7 การเลือกใช้งานเมนบอร์ด
สิ่งที่ต้องคำนึงในการเลือกใช้งานเมนบอรืดมีดังนี้
2.7.1 การรับประกันของตัวเมนบอร์ด
ควรพิจารณาระยะเวลารับประกันเมนบอร์ดเป็นหลัก เนื่องจากว่าเมนบอร์ดเป็นอุปกรณืที่ได้รับความเสียหายง่ายเพราะต้องรับพลังงานจากไฟฟ้าโดยตรงและต้องแจกจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปให้กับอุปกรณ์ตัวอื่น ๆ อยู่ตลอกเวลาที่ใช้งาน การพิจารณาการรับประกันต้องดูด้วยว่ารับประกันทั้งเมนบอร์ดหรือไม่หรือรับประกันเฉพาะส่วน (มีบางบริษัทรับประกันเมนบอร์ดเฉพาะส่วนเช่น ซิปเซต หรือ สล็อต ต่าง ๆ เท่านั้น) ระยะเวลาในการรับประกันเมนบอร์ดส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 3 ปี หรือถ้าเป้นเมนบอร์ดใหญ่ ๆ เช่น เมนบอร์ดเซิร์ฟเวอร์จะอยู่ที่ 5-7 ปี เป็นต้น ควรเลือกเมนบอร์ดที่มีการรับประกันนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ (บางทีเงื่อนไขในการรับประกันอาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่มในกรณีที่ต้องการระยะเวลารับประกันเพิ่ม)
2.7.2 มีการรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น
ควรอ่านคู่มือเมนบอรืก่อนซื้อทุกครั้ง เพราะจะทำให้ทราบถึงสเปกที่แท้จริงของเมนบอร์ด ไม่ควรฟังจากพนักงานขายเท่านั้น เพราะเทคโนโลยีของเมนบอร์ดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วควรพิจารณาเลือกซื้อเมนบอร์ดที่รองรับเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
2.7.3 ตระกูลของซีพียูที่จะเลือกใช้งาน
เมนบอร์ดในปัจจุบันนี้แบ่งแยกค่ายขงการทำงานกับซีพียูอย่างชัดเจน เช่น ถ้าหากเลือกใช้งานซีพียูของอินเทล ก็จะต้องใช้งสนซีพียูนั้นตลอดไปไม่สามารถใช้งานซีพียู ยี่ห้ออื่นได้ เพราะฉนั้นควรตัดสินใจให้เด็ดขาดว่าจะเลือกใช้งานซีพียู ยี่ห้อใด ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป
2.7.4 จำนวนของพอร์ต และสล็อต
เมนบอร์ดแต่ละยี่ห้อนั้นจะมีพอร์ต และสล็อตไม่เท่ากัน ถ้าเลือกซื้อเมนบอร์ดที่มีสล็อตไม่พอเพียงกับความต้องการอาจจะเป็นปัญหาในการเพิ่มการ์ดต่าง ๆ ได้ หรือกรณีของพอร์ต เสียบอุปกรณืต่อพ่วง เช่น เมนบอร์ดบางตัวอาจจะมีพอร์ต USB ติดกับตัวเมนบอร์ดมาให้ 2 ตัว แต่ในเมนบอร์ดบางตัวอาจจะมีพอร์ต USB ติดกับตัวเมนบอร์ดมาให้ถึง 4 ตัว ซึ่งจะทำให้สามารถต่อพ่วงอุปกรณ์ได้มากขึ้นนั่นเอง
2.7.5 ควรเลือกใช้เมนบอร์ดมือหนึ่งเท่านั้น
ไม่ควรใช้เมนบอร์ดเก่าหรือเมนบอร์ดมือสองถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เนื่องจากเมนบอร์เป็นอุปกรณ์ที่เสียง่าย และมีอายุการใช้งานจำกัด หากนำมาใช้อาจจะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานผิดพลาดได้ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ควรจะหาเมนบอร์ดมือสองที่มีอายุการรับประกันนานที่สุดเท่าที่จะทำได้
2.7.3 ตระกูลของซีพียูที่จะเลือกใช้งาน
เมนบอร์ดในปัจจุบันนี้แบ่งแยกค่ายขงการทำงานกับซีพียูอย่างชัดเจน เช่น ถ้าหากเลือกใช้งานซีพียูของอินเทล ก็จะต้องใช้งสนซีพียูนั้นตลอดไปไม่สามารถใช้งานซีพียู ยี่ห้ออื่นได้ เพราะฉนั้นควรตัดสินใจให้เด็ดขาดว่าจะเลือกใช้งานซีพียู ยี่ห้อใด ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป
2.7.4 จำนวนของพอร์ต และสล็อต
เมนบอร์ดแต่ละยี่ห้อนั้นจะมีพอร์ต และสล็อตไม่เท่ากัน ถ้าเลือกซื้อเมนบอร์ดที่มีสล็อตไม่พอเพียงกับความต้องการอาจจะเป็นปัญหาในการเพิ่มการ์ดต่าง ๆ ได้ หรือกรณีของพอร์ต เสียบอุปกรณืต่อพ่วง เช่น เมนบอร์ดบางตัวอาจจะมีพอร์ต USB ติดกับตัวเมนบอร์ดมาให้ 2 ตัว แต่ในเมนบอร์ดบางตัวอาจจะมีพอร์ต USB ติดกับตัวเมนบอร์ดมาให้ถึง 4 ตัว ซึ่งจะทำให้สามารถต่อพ่วงอุปกรณ์ได้มากขึ้นนั่นเอง
2.7.5 ควรเลือกใช้เมนบอร์ดมือหนึ่งเท่านั้น
ไม่ควรใช้เมนบอร์ดเก่าหรือเมนบอร์ดมือสองถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เนื่องจากเมนบอร์เป็นอุปกรณ์ที่เสียง่าย และมีอายุการใช้งานจำกัด หากนำมาใช้อาจจะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานผิดพลาดได้ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ควรจะหาเมนบอร์ดมือสองที่มีอายุการรับประกันนานที่สุดเท่าที่จะทำได้
2.8 เพาเวอร์ซัพพลาย
อุปกรณ์ชิ้นหนึ่งในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มักจะมองข้ามไปและเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญเพราะถ้าขาดอุปกรณ์ตัวนี้แล้วเครื่องคอมพิวเตอร์ก็เปรียบเสมือนกล่องเหล็กธรรมดา ๆ ใช้การอะไรไม่ได้ อุปกรณ์ชินนี้ก็คือ แหล่งจ่ายไฟ หรือที่มักจะเรียกกันว่า เพาเวอร์ซัพพลาย (Power Supply) นั่นเอง
![]() |
รูปที่ 7 แสดงภาพของเพาเวอร์ซัพพลาย |
![]() |
รูปที่ 8 แสดงภาพของเพาเวอร์ซัพพลาย |
แหล่งจ่ายไฟคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือคอมพิวเตอร์พีซีนั้น ส่วนใหญ่จะบรรจุในเคสด้านหลัง ถ้ามองไปที่หลังเคสจะเห็นกล่องเหล็กสี่เหลี่ยมมีช่อง เสียบสายไฟและพัดลมเพื่อระบายความร้อน
เพาเวอร์ซัพพลายจะใช้เทคโนโลยีที่เราเรียกว่า สวิตซิ่งเพาเวอร์ซัพพลาย คือ การเปลี่ยแรงดันของอินพุต แระแสสลับเอซี ให้เป็นแรงดันต่ำ กระแสตรง แรงดันที่ออกแบบให้ออกมาจากเพาเวอร์ซัพพลายมีอยู่ทั่วไป 3 ระดับ คือ 3.3โวลต์ 5โวลต์ และ 12โวลต์ โดยที่แรงดัน 3.3โวลต์ และแรงดัน 5โวลต์ จะนำไปใช้ในวงจรดิจิตอล ส่วนแรงดัน 12 โวลต์ ถูกนำไปใช้ในการหมุนมอเตอร์ของดิสก์ไดรฟ์และพัดลมระบายความร้อน
เมื่อหลายปีก่อนคอมพิวเตอร์ยุคแรก ๆ ตั้งแต่รุ่น 8088 จนถึงรุ่น 486 จะมีสวิตซ์เปิด-ปิดของคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าพวกนี้ จะแตกต่างจากสวิตซ์เปิด-ปิดคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ด้วยเหตุว่า คอมพิวเตอร์รุ่นแรก ๆ นั้น จะใช้เพาเวอร์ซัพพลายแบบ AT ซึ่งมีสวิตซ์ควบคุมการเปิด-ปิดเพาเวอร์ซัพพลายโดยตรง และใช้สวิตซ์กดติดค้างคล้าย ๆ กับสวิตซ์เปิด-ปิดไฟบ้าน ซึ่งต่างจากคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันจะใช้สวิตซ์แบบกดติดปล่อยดับสวิตซ์นี้จะไม่ต่อเข้ากับเพาเวอร์ซัพพลายโดยตรงแต่จะต่อกับแผงวงจรเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์โดยใช้การควบคุมการเปิด-ปิดจากโปรแกรมปฏิบัติงาน สั่งให้แผงเมนบอร์ดปิดเพาเวอร์ซัพพลาย เมื่อเรากดสวิตซ์นี้ เมนบอร์ดจะส่งแรงดัน 5 โวลต์ ไปยังส่วนควบคุมในเพาเวอร์ซัพพลายเพื่อเปิด-ปิดการทำงานของตัวมันเอง แรงดันไฟฟ้ากระแสตรงนี้เราเรียกแรงดัน VSB เพาเวอร์ซัพพลายรุ่นใหม่นี้เราเรียกแบบว่า แบบ ATX
ถ้าพูดถึงเทคโนโลยีสวิตซิ่งในเพาเวอร์ซัพพลายจะเห็นได้ว่ามีการพัฒนามาตั้แต่ปี ค.ศ. 1980 ในตอนนั้นเพาเวอร์ซัพพลายมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าในตัวเพาเวอร์ซัพพลายต้องใช้หม้อแปลงและตัวเก็บประจุที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งในปุจจุบันได้พัฒนาลดขนาดและน้ำหนักของเพาเวอร์ซัพพลายลงได้มาก
เทคโนโลยีสวิตซิ่งไม่ใช่แค่นำไปใช้แต่คอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ยังได้นำไปใช้ในการสร้างไฟฟ้ากระแสสลับจากไฟฟ้ากระแสตรง 12 โวลต์ของแบตเตอรี่รถยนต์เพื่อไปจ่ายให้เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ทีวี วีดีโอ ดังจะเห็นได้จากรถตู้หรือรถทัวร์ที่ใช้กัน วงจรพวกนี้เราเรียกว่า อินเวอร์เตอร์ เพาเวอร์ซัพพลายที่มีขายตามท้องตลาดนั้นมีหลายราคา หลายกำลังวัตต์ให้เลือก ตั้งแต่ 200 วัตต์ จนถึง 400 วัตต์ ขึ้นอยู่กับว่าคอมพิวเตอร์ใช้ทรัพยากร หรือว่ามีอุปกรณ์ต่อมากน้อยเพียงใด
สรุปท้ายบท
เมนบอร์ดเป็นอุกรณ์ที่มีความละเอียดอ่อนมาก หากเมนบอรืดมีปัญหาก็จะทำให้อุปกรณือื่น ๆ ในระบบทำงานผิดพลาดไปด้วย การเลือกซื้อเมนบอร์ดควรจะมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า เช่น ในอนาคตจะมีการเพิ่มอุปกรณ์อะไรบ้าง หรือจะใช้ซีพียูยี่ห้อใด ควรมีการประมาณการไว้ล่วงหน้าจะทำให้สามารถใช้เมนบอร์ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการเปลี่ยนเมนบอร์ด เป็นเรื่องยุ่งยากมาก เช่น หากใช้เมนบอร์ที่รองรับซีพียู อินเทล แล้วจะเปลี่ยนไปใช้ซีพียู เอเอ็มดี ก็ต้องเปลี่ยนทั้งเมนบอร์ดและซีพียู จะเปลี่ยนแต่ซีพียูไม่ได้เพราะเมนบอร์ดไม่รองรับ เป็นต้น
เพาเวอรืซัพพลายทำหน้าที่แปลงไฟฟ้าจากไฟ 220V เป็นไฟฟ้าขนาด 250-400W และจ่ายกระแสไฟให้กับคอมพิวเตอร์ทั้งระบบหากเพาเวอร์ซัพพลายจ่ายกระแสไฟฟ้าผิดพลาดหรือจ่ายให้น้อยเกินกว่าที่ระบบต้องการก็จะทำให้อุปกรณ์ในระบบคอมพิวเตอร์เสียหายได้ จะให้ดีควรตั้งระบบสำรองไฟ เช่น UPS เอาไว้ในเขตที่ไฟฟ้าดับหรือไฟตกบ่อย ๆ ก็จะช่วยยืดอายุของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้ดีทีเดียว